• บางแสน21 เป็นงานที่ 2 ที่ได้จาก Lotto ซึ่งดีใจมาก เพราะเป็นงานวิ่งที่ได้รางวัล IAAF Road Race Silver Label ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลเพิ่มมาก็คือจะต้องเป็นงานวิ่งที่มีคุณภาพสูงปี๊ด ทั้งในเรื่องระบบการจัดการ ความปลอดภัย การประชาสัมพันธ์ และการเป็นงานวิ่งระดับสากล ปกติส่วนตัวไม่เรื่องมากเรื่องงานเลย แค่มีน้ำเย็นกับเกลือแร่ให้กินทุก 2 โลก็พอใจแล้ว พอมางานนี้ก็เลยรู้ว่าการจัดที่ดีเป็นยังไง

  • ความผิดพลาดที่สำคัญของการวิ่งมาธอนรอบนี้ คือการไม่มีประสบการณ์ และยังเอาประสบการของฮาล์ฟมาราธอนมาใช้อีก แผนคือ 5 กม. แรกวิ่ง Pace 7 15 กม.ต่อมาวิ่ง Pace 6:30 อีก 22 กม.ที่เหลือวิ่ง Pace 6.15 ถ้าทำได้ตามนี้ จะเข้าเส้นชัยภายใน 4

  • หลังจากเจ็บ ITB ก็เลยเริ่มชีวิตการวิ่งใหม่ด้วยการซ้อมวิ่งโซน 2 เป็นหลักมาตลอด ซึ่งผลการวิ่งก็น่าพอใจมากๆ แม้จะไม่ได้เป็นคนที่วิ่งเร็ว แต่ก็พัฒนาได้ตามเป้าใหม่ที่วางไว้ (ก็การวิ่งมันเป็นเรื่องของตัวเราเองล้วนๆนิ จริงแมะ) เริ่มแรกก็ศึกษาตารางซ้อมวิ่งโซน 2 จากกรุ๊ปต่างใน Facebook ซึ่งก็ได้ความรู้ดีๆมากมาย ด้วยความเนิร์ด เราได้พบว่า จริงๆแล้ว Garmin สามารถตั้งโปรแกรมให้มันสามารถโค้ชเราได้ ตามเงื่อนไขที่เรากำหนด เช่น

  • 1 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนความผิดหวังจากจอมบึงครั้งที่ 32 เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันนี้เอง ตั้งแต่ซ้อมจนเส้นเอ็นฝ่าเท้าด้านข้างเจ็บ จนทำให้เป็น ITB ที่ขาขวา ความทรมานใน 6 กม.สุดท้าย จนกระทั่งไม่สามารถทำเวลาตามที่ต้องการได้ในวันแข่ง หลังจากรักษอาการเจ็บไปเกือบ 3 เดือน เปลี่ยนวิธีการซ้อมใหม่ทั้งหมดมาเป็นการเน้น Endurance Base Training (หรือที่คนเรียกกันว่าการซ้อมวิ่ง Zone

  • Pla2 Mini Marathon ครั้งที่ 3 เป็นรายการแรกที่เรียกได้ว่า ลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว (ภูเก็ตมาราธอน และ Human Run ไม่ได้ลง) เป้าหมายง่ายมาก ต้องการทำลายสถิติ ตั้งแต่วิ่งปีที่แล้วมีการเปลี่ยนแปลง 2 เรื่อง หยุดซ้อมไปประมาณ 3 เดือน เพราะเจ็บ

  • ท่าวิ่งเป็นคลาสสิคของการพัฒนาการวิ่ง แค่การที่ไม่มีโคช หรือไม่ได้วิ่งอยู่หน้ากระจกทำให้เราเช็คัวเองได้ยากเหมือนกัน ว่าท่าวิ่งของเราถูกต้องสวยงามมั้ย ก่อนหน้านี้เราสามารเช็คการเคลื่อนไหวของร่างกายขณะวิ่งได้ด้วย HRM Band (สายคาดอกสำหรับวัดหัวใจ) รุ่นท็อปๆหน่อย แต่หลังจากนาฬิกาของ Garmin เองพัฒนาไปค่อนข้างเยอะมากในส่วนของการวัดหัวใจ Garmin เลยออก Running Dynamic Pod มาเพื่อวัดการเคลื่อนที่ของร่างการแบบเพียวๆ Garmin Dynamic Pod วัดอะไรได้บ้างนอกเหนือจากที่นาฬิกาเราทำได้ Cadence จำนวนก้าวต่อนาที

  • หลังจากเจ็บยาวและกลับมาวิ่งใหม่ก็เริ่มซ้อมวิ่งแบบใหม่ไปด้วยเลย ก่อนหน้าวิ่งตาม Nike+ Running Plan เค้าบอกให้วิ่งกี่โลก็วิ่งไปตามนั้น ระหว่างที่เจ็บ ITB ก็หาข้อมูลเพิ่มในเรื่องที่ติดใจสงสัยมานั้น นั่นคือทำไมหัวใจเราพีคมากเวลาวิ่ง เทียบกับบางคนวิ่ง Half Marathon แล้วหัวใจไม่เกิน Zone 3 ของเรานี่ 3 โลแรกก็โดดไปโซน 4 เลย

  • หลังจากจบจอมบึงมาราธอน ตั้งใจว่าจะหยุดพัก 1 เดือน เพื่อให้หายเจ็บเอ็นข้อเท้าด้านนอก ผ่านไป 1 เดือนเริ่มวิ่งอีกครั้ง เพื่อจะลงมาราธอนที่ภูเก็ตเดือนมิถุนายน พบว่าเจ็บหัวเข้าขวาเล็กน้อย เมื่อวิ่งไปได้ประมาณ 10 โล ซึ่งตอนนั้นเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะไม่ได้วิ่งมานาน กล้ามเนื้อาจจะไม่พร้อมสำหรับการวิ่ง เลยค่อยๆเริ่มจากระยะสั้นๆก่อน คือ 5 โล พบว่า 5 โลก็ยังเจ็บ

  •   จอมบึงมาราธอนคล้ายกับการสอบ Hunter นิดนึง คือจริงๆแล้วการแข่งขันเริ่มตั้งแต่เราจอดรถแล้ว เพราะที่จอดรถห่างจากงานประมาณ 3 กม. และรถรับส่งมีน้อย ถ้ารอคงไม่ทัน ก็ต้องเริ่มออกตัวกันตั้งแต่จุดจอดรถเลย ช่วงวิ่งไปจุดปล่อยตัว อาการเจ็บเอ็นข้อเท้าด้านนอกออกอาการทันที รู้สึกจิตตกว่าจะวิ่งถึง 21 โลมั้ยวันนี้ มาถึงจุดปล่อยตัว 5:30 พอดี เข้าห้องน้ำ 1 ครั้งยังทัน เพราะปล่อยตัวกันนานมาก

  • ลงสมัครจอมบึงมาราธอนหมายมั่นว่าจะวิ่งเข้าเส้นชัยต่ำกว่า 2 ชม. ให้ได้ ย้อนกลับไปหนึ่งสัปดาห์ก่อนจอมบึงมาราธอน Last Finish Long Run การซ้อมวิ่งยาวครั้งสุดท้าย เอ็นข้อเท้าขวาด้านนอกเริ่มมีอาการเจ็บเล็กน้อย แม้จะเล็กน้อยแต่เราจำมันได้อย่างดี มันคือเอ็นเท้าด้านข้าง แบบเดี๋ยวกับที่เคยเป็นที่เท้าซ้ายนั่นเอง และเราก็หยุดวิ่งทันที่ อาการนี้หายยากมาก ครั้งก่อนใช้เวลาร่วม 20 วันกว่าจะหายดี แต่คิดว่าเจ็บนิดเดียวเดี๋ยวก็น่าจะดีขั้น ซึ่งเราก็พยายามกลับมาซ้อมอีกทีวันศุกร์ เมื่อวิ่งไปได้

  • ในการ์ตูนเรื่อง Vagabond ทาคุอันนักบวชแห่งวัดชิปโป กล่าวกับมิยาโมโต้ มูซาชิว่า "คนเราจะอดทนต่อการฝึกได้แค่ไหน ถ้าไร้ซึ่งจุดหมาย" เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมความพยายามวิ่งให้ได้อย่างสม่ำเสมอของเราถึงพังพินาศตลอด โชคยังดีที่การวิ่งเป็นกีฬาที่มีการจัดแข่งขันอย่างสม่ำเสมอ ปีนึงหลายสิบครั้ง สถานที่วิ่งก็แต่งต่างกัน มีให้เลือกตั้งแต่ 5 จนถึง 100 กม. รายการที่ดูแล้วคูลที่สุด และมีระยะเวลาการซ้อมที่เหมาะสมตกเป็นของลากูน่า ภูเก็ตมาราธอน ตอนนั้นมีเวลาเหลือประมาณ 3 เดือน

  • ลงวิ่งงานปลาทูมินิมาราธอน เป็นงานวิ่งของสมุทรสงครามบ้านเกิด จัดเป็นครั้งที่สองแล้ว (ครั้งแรกไม่ได้ลง) เป็นครั้งแรกที่ลงแข่งมินิมาราธอนระยะ 10 กม. (จริงๆแล้วคือ 10.2 กม.นะ) ก่อนหน้านี้เราเริ่มที่ฮาล์ฟมาราธอนมาตลอด เลยตั้งเป้าว่า จะเข้าเส้นชัยภายใน 50 นาทีให้ได้ จากตารางซ้อมทั้งหมดที่ผ่านมาจะเป็นการซ้อมวิ่งระยะยาว มี Temp กับ Interval สลับบ้าง แต่ก็ไม่ได้ซ้อมเรื่องความเร็วเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ ทุกครั้งที่วิ่งได้ Pace

  • Human Run เป็นรายการ Half Marathon ในชีวิต ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ หลังจากจบ Half Marathon ที่ภูเก็ตแล้ว ความเข็มข้นของการซ้อมก็เจือจางลงเล็กน้อย จากความรู้สึกส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าร่างกายฟิตน้องลงกว่าเดิม ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก ที่วิ่งระยะทางไกลในกรุงเทพ อากาศที่ร้อนกว่า มลภาวะ และเส้นทางวิ่งแตกต่างจากภูเก็ตประมาณนึง สิ่งที่น่าแปลกใจคือเมื่อถึงระยะ 15 กม.ขึ้นไปแล้ว

  • ภูเก็ตมาราธอนเกิดจากการอยากเริ่มทำอะไรสักอย่างให้ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเป็นอัน และมีผลลัพธ์ที่สามารถภูมิใจตัวเองได้บ้าง สรุปเลยเลือกที่จะวิ่งฮาล์ฟมาราธอน (ระยะทาง 21 กม.) นี่แหละ เพราะคนเท่ๆเค้ามักจะวิ่งกัน โค้ชใน Application Nike Run+ คำนวนออกมาเป็นตารางให้เรียบร้อย น่าจะใช้เวลาประมาณ  3 เดือนครึ่งในการวิ่งให้ถึงฮาล์ฟมาราธอนและเข้าเส้นชัยในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ เพื่อมีเป้าหมายให้ยึดเหนื่ยว เลยไปนั่งหาข้อมูลว่าในช่วง 3 เดือนนี้จะมีงานวิ่งไหนบ้างที่พอจะลงได้ ก็พบว่ามีงานภูเก็ตมาราธอนนี่แหละ น่าจะเป็นงานที่เหมาะสมที่สุด ต้องบินไปภูเก็ตเพื่อไปวิ่งด้วย ยิ่งดูคูลสัดๆ

  • เวลากลับไปวิ่งที่บ้านจะเจอหมาเยอะมาก เพราะต้องวิ่งแบบ Cross Country ไม่ได้วิ่งในสนามหรือสวนเป็นกิจลักษณะ หมาที่เจอจำแนกได้ประมาณนี้

  • ในระหว่างวิ่งไปข้างหน้า เรื่องที่จะให้เราจดจดกับมันมีอยู่ไม่เยอะนัก ส่วนมากจะเป็นเรื่องร่างกาย การหายใจ โน่นนิด นี่หน่อย มันมีเวลาให้เราสำรวจร่างกายเยอะมาก เพราะงั้นอะไรนิดๆหน่อยๆเราจะรับรู้มันได้อย่างดี สิ่งที่สร้างความรำคาญให้เสมอมาคือผม พักหลังผมด้ายหน้ายาว เวลาวิ่งมันก็จะมาทิ่มหน้าผาก พอหัวเริ่มเปียก ผมก็เป็นปอยๆ น่ารำคาญยิ่งนัก และหลังจากพยายามหาวิธีแก้ปัญหาซึ่งมีทางเลือกไม่เยอะนักคือ ตัดผม อันนี้ดูแก้ปัญหาที่ปลายเหตุไปหน่อย ใส่ที่คาดหัว อันนี้ดูเหมือนนักบาส NBA และดูเนิร์ดไปหน่อย

  • ตอนวิ่งแรกๆเราเอาเพลงไปฟังด้วย เพราะรู้สึกว่าฟังเพลงไปวิ่งไปมันเพลินดี ซึ่งมันก็เพลินจริงๆ พอมาช่วงหลังก็เบื่อฟังเพลงขึ้นมาเฉยๆ คือไม่ใช่ว่าเบื่อแค่ตอนวิ่ง แต่เบื่อตลอดเวลา แม้กระทั่งขับรถ ทำงาน ก็ไม่อยากฟังเพลง เริ่มแรกเลยคือเอารายการ หนังหน้าแมว ที่มีคนอัดไว้ใน Youtube มาฟังแบบเถื่อน ตอนนี้ไม่มีแล้ว น่าจะโดนตักเดือนไป หลังจากนั้นก็เลยหา Podcast มาฟังและพบว่าคนไทยก็ทำ Podcast ดีๆไว้เยอะเหมือนกัน ที่ฟังบ่อยๆก็มีดังนี้

  • ตั้งแต่เริ่มวิ่ง วงจรชีวิตก็เปลี่ยนไปนิดหน่อย เพราะว่าต้องตื่นเช้า เลยพยายามนอนให้เร็วขึ้น ระยะหลัง 4 ทุ่มคือง่วงแล้ว หัวถึงหมอนสามารถหลับได้เลย