วิ่ง (18) | บางแสน21 ฮาล์ฟ มาราธอน
บางแสน21 เป็นงานที่ 2 ที่ได้จาก Lotto ซึ่งดีใจมาก เพราะเป็นงานวิ่งที่ได้รางวัล IAAF Road Race Silver Label ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลเพิ่มมาก็คือจะต้องเป็นงานวิ่งที่มีคุณภาพสูงปี๊ด ทั้งในเรื่องระบบการจัดการ ความปลอดภัย การประชาสัมพันธ์ และการเป็นงานวิ่งระดับสากล
ปกติส่วนตัวไม่เรื่องมากเรื่องงานเลย แค่มีน้ำเย็นกับเกลือแร่ให้กินทุก 2 โลก็พอใจแล้ว
พอมางานนี้ก็เลยรู้ว่าการจัดที่ดีเป็นยังไง
- ตอนรับ BIB รวดเร็ว เป็นระบบ แสดงบัตรประชาชนกับ SMS เพื่อ verify ก่อนเข้าพื้นที่ จากนั้นมีการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนอีกที เรื่องขาย BIB ต่อนี่เลิกคิดได้เลย
- รับ BIB เสื้อแข่ง รวดเร็ว ไม่เกิน 5 นาที
- ตอนปล่อยตัวมีจุดพลุด้วย ชอบมาก เหมือนอยู่ในหนัง Saving Private Ryan
- ระหว่างวิ่งมีป้ายบอกว่าอีกกี่เมตรจะถึงจุดให้น้ำ มีแยกชัดเจนว่าเป็นน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ แล้วจุดให้น้ำก็ยาวมาก ประมาณ 15 เมตรได้ แถมบอกด้วยว่าโต๊ะสุดท้ายอยู่ตรงไหน
- มีจุดบอกว่าอีกกี่เมตรจะถึงจุดถ่ายรูป
- วิ่งจบมี SMS ส่งมาให้เป็น URL ของ e-Slip, e-Certificate และ ให้ Download รูปของตัวเองจาก Thai Run อันนี้โคตรเวิร์คเลย
สรุปคือดีมากที่สุดในสามโลก
ต่อไปคือ Race Note
- คืนก่อนแข่งอยู่ดีๆก็ตระหนักได้ว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมา การค่อยๆเพิ่มความเร็วแบบ Negative Split ไม่เหมาะกับตัวเอง เลยเปลี่ยนแผนใหม่ จากที่ค่อยๆเพิ่มความเร็วทีละ 3 กม. เปลี่ยนเป็นแค่ 10 โลแรกและ 11 โลสุดท้ายพอ ให้ Pace เฉลี่ยได้ที่ 5:29 จะจบที่ประมาณ 1:55 ชม.
- บางแสนปล่อยตัวเร็วมา 4:30 น่าจะจบภายใน 2 ชม. คือช่วงเวลาที่พระอาทิตย์จะขึ้นพอดี
- ตอนปล่อยตัวมีจุดพลุด้วย ให้ความรู้สึกฮึกเหิม
- 10 โลแรกวิ่งได้ตามแผน Pace เฉลี่ยที่ 5:26 รู้สึกเลยว่าวางแผนมาถูกต้อง การรักษา Pace ให้สม่ำเสมอ งานกว่าการค่อยๆเพิ่มความเร็วพอสมควร แล้วยังทำให้ Ecosystem ของการวิ่ง Flow มาก
- ช่วง 10 โลแรกมีเนินยาวๆ 3 เนินถ้วน ใช้วิธีวิ่งช้าขาขึ้น แล้วไป Recover ขาลง ทำให้ Pace เฉลี่ยยังโอเค และมีเวลาตุนไว้พอสมควร
- หลังกลับตัวเริ่มมีปัญหากับเนินบ้าง แต่ยังพอไปได้อยู่ รักษาความเร็วได้ตามแผน
- กม.ที่ 15 เริ่มรู้สึกเจ็บข้อเท้าซ้าย สรุปคือเท้ากับเท้าเราคงไม่เหมาะกับ Nike Vapofly Next % จริงๆแหละ จริงๆรู้สึกอยู่แล้วว่าเวลาลงเท้า ข้อเท้าซ้ายจะบิดนิดหน่อย แต่ก็ยังฝืนคิดว่าไม่น่าเป็นไร สุดท่ายก็เห็นผลจริงๆ\
- ก่อนหน้านี้ไม่เคยใช้ Next % วิ่งเกิน 10 โลเลย สุดท้ายก็ดื้อเอามาใส่วิ่ง Half เป็นบทเรียนสำคัญ
- แผนการกินเจลของ Race นี้คือทุกๆ 5 กม. ด้วยสภาพอากาศทำให้กินน้ำน้อยมากๆ แต่ยังกินเจลตามแผน
- เคยได้ยินว่าการที่ไม่ได้ฝึกกินเจลมาก่อน ทำให้บางทีร่างกายไม่รับ แล้วทำให้เกิดอาการปวดท้อง และท้องเสีย ไม่คิดเลยว่าจะมาเกิดกับตัวเองในกม.ที่ 16
- จริงๆเราเคยกินเจลประมาณนี้มาก่อน แต่รอบนี้คิดว่าอากาศโอเค ทำให้ไม่ได้ขาดเกลือแร่ขนาดนั้น (ระหว่างวิ่งก็ไม่ได้กินเกลือแร่เลย กินเจลไป 2 ซอง
- เอาจริงๆเลยคิดในใจว่าจะวิ่งไม่จบด้วยซ้ำ เพราะช่วงกม.ที่ 16 – 19 เป็นช่วงที่มีความชันสุดใน Race แล้ว ประกอบกับอาการปวดท้องเหมือนท้องจะเสีย เลยกัดฟันวิ่งไปเรื่อยๆ
- ช่วงกม. 16 เห็นเนินแล้วถึงกับอุทานในใจว่า “เชี่ย“ ที่ตลกคือคนที่วิ่งตามมาก็อุทานว่า“เชี่ยยยย”ออกมาเหมือนกัน
- เข้ากม.19 ทางเริ่มกลับมาเรียบตามปกติ มีเดินกินน้ำนิดหน่อยที่จุดให้น้ำสุดท้าย และรวบรวมแรงวิ่งจนจบได้
- รวมเวลาตามที่ Garmin บอกคือ 1:58 ส่วนเวลา Chip Time อยู่ที่ 1:59 เวลานี้ยังไม่ดีเท่าที่ทำได้ที่จอมบึง
- วิ่งจบ Garmin บอกว่าได้ New VO2Max ใหม่ที่ 48 สูงสุดเท่าที่เคยทำได้
- เข้าเส้นชัยแบบไม่ได้รู้สึกหมดแรงถึงขีดสุด แต่เจ็บข้อเท้ามากกว่า กล้ามเนื้อไม่ได้มีปัญหามากนัก เดินได้ปกติ พร้อมยืดเหยียดอีกนิดหน่อยได้สบายๆ
- ที่น่าเหลือเชื่อคือ Heart Rate เกินโซน 2 ไปแค่ 11 นาทีเท่านั้น ที่เหลือจะอยู่ที่โซน 2 เป็นหลัก เพราะงี้นี่เอง VO2Max ถึงพุ่งไปที่ 48
- โดยรวมแล้วค่อนข้างโอเค ถ้าสนามเรียบกว่านี้น่าจะได้ New PB ของ Half Marathon แน่ๆ
- มารู้สึกตอนหลังว่าชอบวิ่ง Half Marathon มากกว่า สนุกกว่า เพราะได้ใช้ความเร็ว ระยะไม่ไกลเกินจนน่าเบื่อ
- พี่ตูนเคยให้สัมภาษณ์ว่าเค้าก็ชอบ Half Marathon มากกว่า เพราะได้ใช้ความเร็ว ส่วน Full Marathon เค้ววิ่งแล้วรู้สึกเหมือนเดินทางไกล ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่
- ดูจากความแข็แรงของกล้ามเนื้อแล้ว ยังไม่รู้สึกพร้อมที่จะวิ่ง Full เลย
ปิดท้ายด้วยความรู้สึกหลังวิ่งงานบางแสน21 จบมา 1 วัน ปกติแล้วจะรู้สึกเบื่อการวิ่งไปสักพักนึงเลยหลัง Race แต่ตอนนี้ยังรู้สึกอยากออกไปวิ่งอยู่ ซึ่งกล้ามเนื้องยังปวดๆอยู่นิดหน่อย เข้าไม่เจ็บเลย เดาว่าน่าจะเพราะรองเท้า Support ค่อนข้างดี
Sorry, the comment form is closed at this time.