ในการ์ตูนเรื่อง Vagabond ทาคุอันนักบวชแห่งวัดชิปโป กล่าวกับมิยาโมโต้ มูซาชิว่า "คนเราจะอดทนต่อการฝึกได้แค่ไหน ถ้าไร้ซึ่งจุดหมาย" เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมความพยายามวิ่งให้ได้อย่างสม่ำเสมอของเราถึงพังพินาศตลอด โชคยังดีที่การวิ่งเป็นกีฬาที่มีการจัดแข่งขันอย่างสม่ำเสมอ ปีนึงหลายสิบครั้ง สถานที่วิ่งก็แต่งต่างกัน มีให้เลือกตั้งแต่ 5 จนถึง 100 กม. รายการที่ดูแล้วคูลที่สุด และมีระยะเวลาการซ้อมที่เหมาะสมตกเป็นของลากูน่า ภูเก็ตมาราธอน ตอนนั้นมีเวลาเหลือประมาณ 3 เดือน

ลงวิ่งงานปลาทูมินิมาราธอน เป็นงานวิ่งของสมุทรสงครามบ้านเกิด จัดเป็นครั้งที่สองแล้ว (ครั้งแรกไม่ได้ลง) เป็นครั้งแรกที่ลงแข่งมินิมาราธอนระยะ 10 กม. (จริงๆแล้วคือ 10.2 กม.นะ) ก่อนหน้านี้เราเริ่มที่ฮาล์ฟมาราธอนมาตลอด เลยตั้งเป้าว่า จะเข้าเส้นชัยภายใน 50 นาทีให้ได้ จากตารางซ้อมทั้งหมดที่ผ่านมาจะเป็นการซ้อมวิ่งระยะยาว มี Temp กับ Interval สลับบ้าง แต่ก็ไม่ได้ซ้อมเรื่องความเร็วเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ ทุกครั้งที่วิ่งได้ Pace

Human Run เป็นรายการ Half Marathon ในชีวิต ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ หลังจากจบ Half Marathon ที่ภูเก็ตแล้ว ความเข็มข้นของการซ้อมก็เจือจางลงเล็กน้อย จากความรู้สึกส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าร่างกายฟิตน้องลงกว่าเดิม ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก ที่วิ่งระยะทางไกลในกรุงเทพ อากาศที่ร้อนกว่า มลภาวะ และเส้นทางวิ่งแตกต่างจากภูเก็ตประมาณนึง สิ่งที่น่าแปลกใจคือเมื่อถึงระยะ 15 กม.ขึ้นไปแล้ว

ภูเก็ตมาราธอนเกิดจากการอยากเริ่มทำอะไรสักอย่างให้ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเป็นอัน และมีผลลัพธ์ที่สามารถภูมิใจตัวเองได้บ้าง สรุปเลยเลือกที่จะวิ่งฮาล์ฟมาราธอน (ระยะทาง 21 กม.) นี่แหละ เพราะคนเท่ๆเค้ามักจะวิ่งกัน โค้ชใน Application Nike Run+ คำนวนออกมาเป็นตารางให้เรียบร้อย น่าจะใช้เวลาประมาณ  3 เดือนครึ่งในการวิ่งให้ถึงฮาล์ฟมาราธอนและเข้าเส้นชัยในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ เพื่อมีเป้าหมายให้ยึดเหนื่ยว เลยไปนั่งหาข้อมูลว่าในช่วง 3 เดือนนี้จะมีงานวิ่งไหนบ้างที่พอจะลงได้ ก็พบว่ามีงานภูเก็ตมาราธอนนี่แหละ น่าจะเป็นงานที่เหมาะสมที่สุด ต้องบินไปภูเก็ตเพื่อไปวิ่งด้วย ยิ่งดูคูลสัดๆ

เวลากลับไปวิ่งที่บ้านจะเจอหมาเยอะมาก เพราะต้องวิ่งแบบ Cross Country ไม่ได้วิ่งในสนามหรือสวนเป็นกิจลักษณะ หมาที่เจอจำแนกได้ประมาณนี้