วิ่ง (15) | จอมบึงมาราธอนครั้งที่ 33

1 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนความผิดหวังจากจอมบึงครั้งที่ 32 เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันนี้เอง ตั้งแต่ซ้อมจนเส้นเอ็นฝ่าเท้าด้านข้างเจ็บ จนทำให้เป็น ITB ที่ขาขวา ความทรมานใน 6 กม.สุดท้าย จนกระทั่งไม่สามารถทำเวลาตามที่ต้องการได้ในวันแข่ง

หลังจากรักษอาการเจ็บไปเกือบ 3 เดือน เปลี่ยนวิธีการซ้อมใหม่ทั้งหมดมาเป็นการเน้น Endurance Base Training (หรือที่คนเรียกกันว่าการซ้อมวิ่ง Zone 2) แทน รวมๆแล้วน่าจะมีเวลาซ้อมตามตารางประมาณ 4 เดือน

การซ้อมแบบ Zone 2 ทำให้เราไม่รู้สึกว่าตัวเองวิ่งได้ไกล และเร็ว แม้จะมีการซ้อมแบบ Intervals หรือ Tempo สลับบ้าง ถ้าดูจากระยะทาง น้อยครั้งมากที่จะซ้อมเกิน 10 กม. ดังนั้นเราจึงไม่รู้สึกถึงความมั่นใจว่าจะสามารถวิ่งจบ Half Marathon ได้ในเวลา 2 ชม.เลย

แต่ผลการวิ่งกับผิดกับที่คาดไว้พอสมควร

แผนที่วางไว้จริงๆคือจะวิ่งแบบ Negative Splits จากต้นจนจบ ผ่านไป 13 กม.พบว่าการวิ่งแบบต้องดูนาฬิกาตลอดนั้นเป็นเรื่องน่ารำคาญมากๆ และทำให้การวิ่งไม่อยู่ในภาวะลื่นไหลเท่าไหร่ โชคดีที่เจอ Pacer 2 ชม.พอดี จึงวิ่งเกาะกลุ่มมาเรื่อยๆ ช่วยได้เยอะมาก

จากการเกาะกลุ่มพบว่า Pacer จะวิ่งด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งการตาม Pacer ได้ทันแปลว่าเรามีเวลาตุนไว้ในครึ่งแรกพอสมควร

4 กม.สุดท้าย

เหมือนร่างกายจะเริ่มส่งเสียงโวยวาย หัวใจยังไม่ออกอาการ ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ แต่ขาเริ่มที่จะไม่มีแรงวิ่งต่อ หรือเร่งความเร็วตามที่ตั้งใจไว้ จึงทำให้ช่วงสุดท้ายวิ่งอยู่ที่ Pace 5.4 ไปเรื่อยๆ

100 เมตรสุดท้าย

เห็นเวลาที่เส้นชัยเป็นเวลา 1:59:10 จึงรวบควมเรี่ยวแรงพาตัวเองเข้าเส้นชัยไปได้ที่เวลา 1:59:40 เป็นเวลาทางการของการแข่งขัน แต่ Garmin บอกว่าเราจบระยะ Half-Marathon ที่เวลา 1:52:22 เป็นเวลาที่น่าพึงพอใจมากๆ

โดยรวมแล้วเราเห็นผลของการซ้อมวิ่ง Zone 2 ค่อนข้างชัด Avg. HR ของปีนี้อยู่ที่ 165 bpm เท่านั้น ขณะที่ปีก่อนอยู่ที่ 188 bpm ส่วน Pace นั้นก็น่าประทับใจมาก ไม่คิดว่าการวิ่งโซน 2 เป็นหลักสลับกับ Intervals จะช่วยได้เยอะขนาดนี้

หลังจากนี้น่าจะเริ่มซ้อมเพื่อไปมาราธอนเต็มตัวแล้ว

POST A COMMENT

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.