1 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกเหมือนความผิดหวังจากจอมบึงครั้งที่ 32 เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันนี้เอง ตั้งแต่ซ้อมจนเส้นเอ็นฝ่าเท้าด้านข้างเจ็บ จนทำให้เป็น ITB ที่ขาขวา ความทรมานใน 6 กม.สุดท้าย จนกระทั่งไม่สามารถทำเวลาตามที่ต้องการได้ในวันแข่ง หลังจากรักษอาการเจ็บไปเกือบ 3 เดือน เปลี่ยนวิธีการซ้อมใหม่ทั้งหมดมาเป็นการเน้น Endurance Base Training (หรือที่คนเรียกกันว่าการซ้อมวิ่ง Zone

Pla2 Mini Marathon ครั้งที่ 3 เป็นรายการแรกที่เรียกได้ว่า ลงต่อเนื่องจากปีที่แล้ว (ภูเก็ตมาราธอน และ Human Run ไม่ได้ลง) เป้าหมายง่ายมาก ต้องการทำลายสถิติ ตั้งแต่วิ่งปีที่แล้วมีการเปลี่ยนแปลง 2 เรื่อง หยุดซ้อมไปประมาณ 3 เดือน เพราะเจ็บ

หลังจากเจ็บยาวและกลับมาวิ่งใหม่ก็เริ่มซ้อมวิ่งแบบใหม่ไปด้วยเลย ก่อนหน้าวิ่งตาม Nike+ Running Plan เค้าบอกให้วิ่งกี่โลก็วิ่งไปตามนั้น ระหว่างที่เจ็บ ITB ก็หาข้อมูลเพิ่มในเรื่องที่ติดใจสงสัยมานั้น นั่นคือทำไมหัวใจเราพีคมากเวลาวิ่ง เทียบกับบางคนวิ่ง Half Marathon แล้วหัวใจไม่เกิน Zone 3 ของเรานี่ 3 โลแรกก็โดดไปโซน 4 เลย

ภูเก็ตมาราธอนเกิดจากการอยากเริ่มทำอะไรสักอย่างให้ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเป็นอัน และมีผลลัพธ์ที่สามารถภูมิใจตัวเองได้บ้าง สรุปเลยเลือกที่จะวิ่งฮาล์ฟมาราธอน (ระยะทาง 21 กม.) นี่แหละ เพราะคนเท่ๆเค้ามักจะวิ่งกัน โค้ชใน Application Nike Run+ คำนวนออกมาเป็นตารางให้เรียบร้อย น่าจะใช้เวลาประมาณ  3 เดือนครึ่งในการวิ่งให้ถึงฮาล์ฟมาราธอนและเข้าเส้นชัยในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ เพื่อมีเป้าหมายให้ยึดเหนื่ยว เลยไปนั่งหาข้อมูลว่าในช่วง 3 เดือนนี้จะมีงานวิ่งไหนบ้างที่พอจะลงได้ ก็พบว่ามีงานภูเก็ตมาราธอนนี่แหละ น่าจะเป็นงานที่เหมาะสมที่สุด ต้องบินไปภูเก็ตเพื่อไปวิ่งด้วย ยิ่งดูคูลสัดๆ

เวลากลับไปวิ่งที่บ้านจะเจอหมาเยอะมาก เพราะต้องวิ่งแบบ Cross Country ไม่ได้วิ่งในสนามหรือสวนเป็นกิจลักษณะ หมาที่เจอจำแนกได้ประมาณนี้